เรื่องนี้เตือนสติได้ดีมากๆ “เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกันอยู่ดี”

Advertisements

เรื่องนี้เตือนสติได้ดีมากๆ “เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกันอยู่ดี”

สวัสดีครับวันนี้มีบทความดีๆ ที่ให้ข้อคิดมากมาย มาฝากเพื่อนทุกคนครับ หากเพื่อนอ่านแล้วได้ข้อคิด ก็อย่าลืมส่งต่อให้ผู้อื่นได้อ่านกันนะครับ

ว่ากันว่าที่คนเราเมื่อได้เจอกันมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เพราะบุญของกรรม ที่เราได้ทำร่วมกันมาแต่ชาติก่อน แต่มีเหตุที่ต้องทำให้พรากจากกันก็ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา

“เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน” มีชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมาก คบกันมา ๓ ปี แล้วเขาก็ตกลงจะแต่งงานกัน กำหนดวันเรียบร้อย ฝ่ายชายเองก็คอยวันที่จะแต่งงานกับเขาคนนั้น

ต่อมาไม่นานฝ่ายชายรู้ว่า คู่รักของตนแต่งงานกับคนอื่นอย่างกะทันหัน และฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจไม่ได้ถูกบังคับ เมื่อได้ทราบข่าว เขาทั้งงงและเสียใจมาก ร้องไห้ไม่นอนไม่กิน ต่อมาก็ป่วย หนักเพราะตรอมใจ และเวลาผ่านไปฝ่ายชายป่วยหนักเรื่อยๆ ไปหาหมอเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้นเลย และต่อมานั้น

มีหลวงตาแก่ๆผ่านมาเมื่อมาถึงหลวงตาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของชายคนนั้น แล้วมองเข้าไปในบ้านจึงเคาะประตูเด็ กรับใช้ออกมาเปิดประตูพบว่า เป็นพระ จึงพูดว่า “ไม่ทำบุญ นิมนต์ข้างหน้า”

หลวงตา ยิ้มอย่างมีเมตตา และพูดว่า “อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาตหรอก ในบ้านมีคนป่วยใช่ไหม อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพ ทย์นิดหน่อยอาจจะพอช่วยได้นะ”

เด็กรับใช้ได้ฟังก็อึ้ง แต่ก็บอกว่า เดี๋ยวต้องขอไปถามเจ้านายก่อน เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้านถามเจ้านาย เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญว่า “อยากเข้ามา ก็ให้เข้ามา”

เมื่อหลวงตาเข้าไปที่ห้องนอนจึงพบว่า ชายคนดังกล่าวนอนอย่างหมดอาลัยอยู่ สีหน้า ซีดเซียว ร่างกายก็ซูบผอม ประหนึ่งครึ่งคนครึ่งศwเด็ก รับใช้นำน้ำมาถวายหลวงตา พร้อมจัดเก้าอี้ถวายข้างๆเตียงของชายผู้นั้น

หลวงตา ยิ้มและพูดว่า “อาการ หนักเลยนะ”

ชายคนนั้น ก็เงียบไม่สนใจ ในสิ่งที่หลวงตาได้พูด หลวงตาตรวจอาการพอเป็นพิธี จึงกล่าวว่า “โทรมมากเลยนะ” ชายคนนั้นก็ยังไม่สนใจ

หลวงตาบอกว่า “ไม่เชื่อ มองที่กระจกสิ” ชายคนนั้นไม่สนใจและขณะที่หางตาชายหันไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน

เค้ามองเห็นภาพของคนรักในนั้น ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหายไป กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล ที่แห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านมา

ขณะที่ชายคนที่ป่วยนั้น มองภาพในกระจกด้วยความสนใจจึงพบว่ามีศw หญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด เวลาผ่านไปสักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา

เขามองเห็นศwหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ต่อมาพักใหญ่มีชายอีกคนเดินผ่านมา เขามองเห็นศw นั้นเขาสงสารจึงถอ ดเสื้อนอกออกมาคลุมร่างของหญิงคนนั้นให้ และเดินจากไป

พักใหญ่ๆอีกเช่นเคย มีชายอีกคนเดินผ่านมาเขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่ จึงเปิดดู เมื่อพบว่า เป็นศwด้วยใจสงสาร จึงจะฝั ง ให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีเครื่องมือจะขุดหรอกนะ เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้งสองข้างของเขา ค่อยๆกอบทรายขึ้นมา เขาทำแบบนี้เรื่อยๆ ถึงเย็น พอได้หลุมใหญ่พอสมควรจึงได้ฝังศw ผู้หญิงคนนั้นและจากไป

จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพของศw หญิงคนนั้น และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรัก เขาได้เห็นก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ 2

แล้วก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่เงาของตนเองในกระจก

ขณะนั้นหลวงตาพูดว่า “ทีนี้เข้าใจหรือยังศw นั้นคือคู่รักของโยม ชายคนที่ช่วยฝังศw เธอผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติชาตินี้เธอเลยได้แต่งงานกับเขา ส่วนโยมช่วยคลุมศw เธอ จึงผูกวาสนา ๓ ปี ตอนนี้พอครบสามปี วาสนาสิ้นแล้วคงต้องจากกัน”

เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลืoดออกมา เด็กรับใช้ก็ตกใจ

หลวงตา ยิ้มแล้วพูดว่า “โยมรอดแล้ว เมื่อกี้โยมกระอักเลืoดเอาเลืoดเสีย ออกมาแล้วนะ”

ต่อมาไม่นานชายคนนั้น เขาได้ออกบวชติดตามหลวงตารูปนั้นในที่สุด

“เพราะคนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

ความสัมพันธ์ พ่อ , แม่ , พี่ , น้อง , ญาติ , เพื่อน , คนรัก ฯลฯ

ไม่ใช่ของเลื่อนลอย เมื่อมีวาสนาไม่ต้องเรียกร้องใดๆ ถึงเวลาก็มาเจอกันแต่หากสิ้นวาสนา คงต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่”ในตอนที่ยังอยู่ด้วยกัน คุณทำดีต่อคนรอบข้างของคุณหรือไม่

เพราะถึงเวลาที่ต้องจากกัน ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรืออำน าจล้นฟ้า ก็เรียกมันกลับคืนมาไม่ได้ ทำดีต่อกันไว้เถิด เพราะไม่มีใครรู้ว่าเราจะต้องจากกันตอนไหน



แหล่งที่มา : san-sabai.com
Advertisements

ไม่มีความคิดเห็น