นมแมว หมากกล้วยน้อย ผลไม้ป่ายอดสมุนไพร ผลสุกมีรสหวาน ดอกกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ

Advertisements

นมแมว หมากกล้วยน้อย ผลไม้ป่ายอดสมุนไพร ผลสุกมีรสหวาน ดอกกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ

นมแมว  ชื่อวิทยาศาสตร์ Rauwenhoffia siamensis Scheff.  จัดอยู่ในวงศ์กระดังงา (ANNONACEAE) เป็นผลไม้ป่าแสนอร่อยของเด็กบ้านทุ่ง มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จัดอยู่ในพรรณไม้ยืนต้นมีกลิ่นหอม ลำต้นมีขนาดย่อม สูง 1-2 เมตร มีชื่อเรียกอื่นๆ หมากกล้วยน้อย บักกล้วยน้อย หมากนมแมว บักนมแมว น้ำจ้อย (ยโสธร), ตราแป (มลายู) เป็นต้น

โดย ดอกนมแมว ดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกตามซอกใบใกล้บริเวณปลายยอด กลีบดอกหนา มีกลีบ 6 กลีบ เรียงกันเป็น 2 ชั้น ชั้นละ 3 ดอก มีขนปกคลุม กลีบนอกเป็นรูปไข่ มีขนาดกว้างประมาณ 1 เซนติเมตรและยาวประมาณ 1.3 เซนติเมตร ส่วนกลีบในคล้ายกับกลีบนอก แต่จะมีขนาดเล็กกว่า กลีบดอกเป็นสีเหลืองนวลและมีกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ ดอกจะส่งกลิ่นหอมในช่วงเย็น และมีกลิ่นหอมแรงในเวลากลางคืน

ส่วน ผลนมแมว ออกผลเป็นกลุ่ม ในแต่ละกลุ่มจะมีผลย่อยประมาณ 8-15 ผล ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลมรี และมีตุ่มปลายผลคล้ายกับเต้านมของแมว ผลมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตรและยาวประมาณ 1-2 เซนติเมตร ผลเมื่อสุกจะเป็นสีเหลือง เปลือกผลนิ่ม มีกลิ่นหอม ใช้รับประทานได้โดยจะมีรสหวาน และภายในผลมีเมล็ดประมาณ 6-8 เมล็ด

สรรพคุณของนมแมว

เนื้อไม้และรากใช้ต้มกับน้ำรับประทานเป็นยาแก้ไข้กลับ ไข้ซ้ำ[4] ไข้หวัด ไข้ทับระดู และไข้เพื่อเสมหะ (เนื้อไม้และราก)

รากนมแมวใช้ผสมกับรากหนามพรมและรากไส้ไก่ ใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ริดสีดวงจมูกได้ดีมาก (ราก)

คนสมัยก่อนจะใช้ยอดใบอ่อนประมาณ 5-7 ใบผสมกับน้ำปูนขาวและน้ำ แล้วขยี้ส่วนผสมทั้งหมดจนแตกเป็นเนื้อละเอียดจนเป็นฟองสีเหลือง แล้วนำมาทาบริเวณท้อง จะช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อในเด็กเล็กได้ (ใบ)

ตำรายาพื้นบ้านอีสานจะใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติของสตรี (ราก)

รากนมแมวนำมาตำผสมกับน้ำปูนใส ใช้ทาแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย (ราก)

ผลนำมาตำผสมกับน้ำใช้ทาแก้เม็ดผื่นคันตามร่างกาย (ผล)

รากใช้เป็นยาแก้โรคผอมแห้งของสตรีอันเนื่องมาจากคลอดบุตรแล้วอยู่ไฟไม่ได้ (ราก)

ตามความเชื่อของคนโบราณจะใช้ยอดใบอ่อนประมาณ 5-7 ใบนำมาผสมกับน้ำปูนขาวและน้ำพอประมาณ แล้วขยี้เป็นเนื้อละเอียดแตกเป็นฟองสีเหลือง ใช้ทารอบเต้านม จะช่วยทำให้เด็กที่หย่านมยาก หย่านมได้ เพราะใบอ่อนของต้นนมแมวนั้นมีรสขม ซึ่งทำให้เด็กไม่ชอบ และทำให้หย่านมได้ง่าย (ใบ)

ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของนมแมว

จากรายงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่าต้นนมแมวมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ เป็นพิษต่อเซลล์ แต่ยังไม่พบรายงานเรื่องความเป็นพิษในคนและในสัตว์ทดลอง

นมแมวมีฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ HIV-1 reverse transcriptase ซึ่งเป็นเป้าหมายในการรักษาเอดส์ แต่เป็นการศึกษาในหลอดทดลองเท่านั้น


ประโยชน์ของนมแมว

ผลสุกมีรสหวาน ใช้รับประทานเป็นผลไม้ได้

ดอกมีน้ำมันหอมระเหย นำมาแช่กับน้ำไว้ล้างหน้าจะช่วยทำให้สดชื่น

น้ำมันหอมระเหยจากดอกมีกลิ่นหอม สามารถนำมาใช้ในการแต่งกลิ่นอาหารและเครื่องสำอางได้[4] ซึ่งในอดีตดอกนมแมวมีการนำมาใช้แต่งกลิ่นขนมไทยเพื่อให้น่ารับประทานยิ่งขึ้น โดยเฉพาะขนมที่ใส่น้ำเชื่อมหรือน้ำกะทิ เช่น ขนมจำพวกลอดช่อง เป็นต้น ซึ่งความนิยมใช้กลิ่นของดอกนมแมวในอดีตนั้นมีมากจนเกิดผลผลิตที่เป็นน้ำหอมกลิ่นดอกนมแมวออกวางจำหน่ายในท้องตลาด เพื่อใช้ปรุงแต่งกลิ่นขนมไทยโดยเฉพาะ โดยมีชื่อเรียกทั่วไปว่า "น้ำนมแมว"

ซึ่งก็หมายถึงน้ำหอมกลิ่นดอกนมแมวนั่นเอง และไม่ใช่น้ำนมของแมวที่เป็นสัตว์เลี้ยงแต่อย่างใด แต่ในปัจจุบันนี้ไม่ทราบว่าจะยังมีขายอยู่หรือไม่ เพราะความนิยมใช้น้ำนมแมวเพื่อปรุงกลิ่นหอมของอาหารนั้นลดลงมากกว่าในอดีตหลายเท่านัก เพราะคนในยุคปัจจุบันจะหันไปใช้กลิ่นของดอกไม้จากต่างประเทศกันมากขึ้น และนอกจากจะใช้แต่งกลิ่นอาหารหรือขนมแล้วยังนำมาใช้ในการแต่งกลิ่นเครื่องสำอางอีกด้วย

ดอกนมแมวมีขนาดเล็ก พกพาติดตัวได้ง่ายและไม่ชอกช้ำเพราะมีกลีบดอกหนา ให้กลิ่นหอมแรงเฉพาะตัว จึงเหมาะสำหรับใช้ห่อผ้าหรือผูกผมคล้ายกับดอกจำปี

ใช้ปลูกเป็นไม้ประดับตามสวนสาธารณะ สถานที่ราชการ หรือตามบริเวณบ้าน ฯลฯ เพาะปลูกดูแลได้ง่าย ทนทาน มีอายุยืน น้ำท่วมก็ตาย อีกทั้งดอกมีกลิ่นหอมสดชื่น และออกดอกได้ตลอดทั้งปี จึงนิยมปลูกกันมากในที่ราบลุ่มทางภาคกลาง


อ้างอิงข้อมูลบางส่วน https://medthai.com/
Advertisements

ไม่มีความคิดเห็น