ประโยชน์ของดอกโสน กินช่วยบำรุงกระดูกและสมอง ลวกกินกับน้ำพริกอร่อยมากๆ

Advertisements

ประโยชน์ของดอกโสน กินช่วยบำรุงกระดูกและสมอง ลวกกินกับน้ำพริกอร่อยมากๆ

โสน โสนหิน หรือ โสนกินดอก (Sesbania, Sesbanea pea) มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนของทวีปเอเชียจากอินเดียไปทางตะวันออกจนถึงประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ สามารถพบได้ทั่งไปตามพื้นที่ที่มีน้ำขัง แถบลุ่มน้ำ ริมทาง ริมหนองน้ำ คลองบึง หรือลำประดงและดอกโสนยังเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกด้วย

โสน ชื่อวิทยาศาสตร์ Sesbania javanica Miq. เป็นไม้ในตระกูลปาปิโอนีอี เป็นพืชที่ขึ้นเองตามธรรมชาติทั่วไปในที่ชื้นแฉะ โดยเฉพาะตามริมคลองและริมคันนา ชื่อสามัญอื่น ๆ คือ โสนดอกเหลือง ทางพายัพเรียก ผักฮองแฮง ทางกะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอนเรียก สีปรีหลา

ดอกโสน มีรสออกหวานเล็กน้อย นิยมใช้รับประทานเป็นผักหรือนำมาใช้ประกอบหรือทำอาหารคาวหวานรับประทาน ซึ่งในประเทศไทยนิยมนำไปปรุงอาหาร เนื่องจากดอกโสนมีวิตามินเอสูง ดอกโสนนำไปลวกแล้วกินกับน้ำพริกหรือนำไปดองกับน้ำซาวข้าว กินกับน้ำพริกปลาทู นำไปชุบไข่ทอด แกงส้มหรือแกงใส่ไข่มดแดง



และยังใช้ทำขนมดอกโสน ซึ่งมีลักษณะคล้ายขนมขี้หนู แต่เอาดอกโสนมาคลุกเพิ่ม อาหารชาววังเรียกขนมนี้ว่า ขนมโสนน้อยเรือนงาม ในใบมีสารสีเหลืองกลุ่มแคโรทีนอยด์ ใช้แต่งสีเหลืองในขนมหลายชนิด เช่น ขนมดอกโสน ขนมขี้หนู ขนมบัวลอย โดยนำดอกโสนมาบดหรือโม่ผสมกับแป้ง

สรรพคุณของโสน

ดอกโสน มีรสจืด มัน เย็น มีสรรพคุณเป็นยาแก้พิษร้อน ถอนพิษไข้ (ดอก)

รากโสนมีรสจืด มีสรรพคุณเป็นยาแก้ร้อนในกระหายน้ำ (ราก)

ดอกมีสรรพคุณเป็นยาสมานลำไส้ (ดอก)

ใช้แก้อาการปวดมวนท้อง (ดอก)

ต้นโสนมีรสจืด แพทย์แผนโบราณจะนำต้นมาเผาให้เกรียม แล้วนำมาแช่น้ำให้เป็นด่าง ใช้ดื่มเป็นยาขับปัสสาวะ (ต้น)

ใบใช้ตำเป็นยาพอกแผล ส่วนดอกก็สามารถนำมาปรุงเป็นยาพอกแผลได้เช่นกัน (ใบ)

ใบโสนมีรสจืดเย็น นำมาตำผสมกับดินประสิวและดินสอพอง ใช้เป็นยาพอกแก้ปวดฝี ช่วยถอนพิษ (ใบ)

ดอกใช้เป็นยาถอนพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย (ดอก)



ในทางโภชนาการพบว่า ดอกโสนจะอุดมไปด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่มีส่วนช่วยบำรุงกระดูกและสมอง มีธาตุเหล็กที่ช่วยบำรุงโลหิต มีวิตามินเอที่ช่วยต่อต้านโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ มีวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 และวิตามินซี อีกพอสมควร ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก โดยคุณค่าทางโภชนาการของดอกโสน ต่อ 100 กรัม จะประกอบไปด้วย พลังงาน 38 กิโลแคลอรี, ไขมัน 0.5 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 5.9 กรัม, โปรตีน 2.5 กรัม, ใยอาหาร 2.2 กรัม, ความชื้น 87.7 กรัม, วิตามินเอ 3,338 หน่วยสากล, วิตามินบี 1 0.13 มิลลิกรัม, วิตามินบี 2 0.26 มิลลิกรัม, วิตามินซี 51 มิลลิกรัม แคลเซียม 62 มิลลิกรัม, ธาตุเหล็ก 2.1 มิลลิกรัม, ฟอสฟอรัส 62 มิลลิกรัม  (ข้อมูลจาก : กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข)



อ้างอิงข้อมูลบางส่วน https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B8%99
และ https://medthai.com/%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B8%99/
Advertisements

ไม่มีความคิดเห็น